วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ยำปลาหมึกสด


 
ส่วนผสม
ปลาหมึก                300  กรัม
หอมใหญ่หั่นหยาบ       ½  หัว
มะเขือเทศหั่นเสี้ยว       1    ลูก
น้ำมะนาว               3    ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา                  2    ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย            1     ช้อนชา
พริกขี้หนูตำพอแหลก 5-6   เม็ด
ต้นหอมหั่น              1    ต้น
ผักกาดหอม            2-3   ใบ

 
วิธีทำ
1. ล้างปลาหมึกให้สะอาด  ลอกดำออกให้หมด บั้งให้มีลวดลาย
2. เอาน้ำใส่หม้อตั้งไฟรอให้เดือดใส่ปลาหมึกลงไปลวกจนสุก
3. ผสมน้ำยำ  น้ำมะนาว น้ำปลา  น้ำตาลทรายและพริกขี้หนูตำพอแหลกเข้าด้วยกัน
4. นำปลาหมึกที่ลวกแล้ว  หอมใหญ่  และมะเขือเทศคลุกเคล้าในน้ำยำ  ให้มีรสเปรี้ยวนำ
    ตามด้วยรสเค็ม
5. จัดใส่จานรองด้วยผักกาดหอม  แต่งหน้าด้วยต้นหอม
 

 

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ต้มแซบกระดูกอ่อน


ส่วนผสม
กระดูกอ่อนหมู                  300  กรัม
ข่าหั่นแว่น                      6-7   แว่น
หอมแดงทุบ                    3-4   หัว
ตะไคร้หั่นเฉียง                   2    ต้น
มะเขือเทศ                       1    ลูก
น้ำปลา                          1    ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก                   2   ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว                      1-2   ลูก
พริกแห้งคั่ว                     3    เม็ด
น้ำตาลทราย                    1    ช้อนโต๊ะ
พริกป่น                         2   ช้อนโต๊ะ
ใบโหระพา                     ½    ถ้วยตวง
ผักชีฝรั่งซอย                    1    ต้น
ใบมะกรูดฉีก                   2-3   ใบ
เกลือ                           1    ช้อนชา

วิธีทำ

1. ใส่น้ำลงในหม้อ  นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด  ใส่เกลือและกระดูกหมูอ่อนลงเคี่ยวจนกระดูกหมูเปื่อย  (หมั่นช้อนฟองออก  เพื่อให้น้ำซุปใส)
2. ใส่ข่า ตะไคร้ มะเขือเทศ และใบมะกรูด พอได้กลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลทราย คนผสมจนเข้ากันดี ยกลงจากเตา ตักใส่ชาม เติมน้ำมะนาว พริกป่น และผักชีฝรั่ง ชิมรสตามชอบ โรยด้วยใบโหระพา พร้อมรับประทาน



ลาบปลาดุก


ส่วนผสม

1. ปลาดุกอุย                      ตัว
2.
ต้นหอมซอย                    ต้น
3.
สะระแหน่เด็ดเป็นใบ         1/2   ถ้วย
4.
หอมแดงซอย                    ช้อนโต๊ะ
5.
ข่าหั่นฝอย                       ช้อนชา
6.
ใบมะกรูดหั่นฝอย                ช้อนชา
7.
พริกป่น                      1    ช้อนโต๊ะ
8.
ข้าวคั่วป่น                    2    ช้อนโต๊ะ
9.
น้ำปลา                      2    ช้อนโต๊ะ
10.
น้ำมะนาว                  2-3   ช้อนโต๊ะ

 
วิธีทำ
1ปลาดุกย่างลอกหนังออก แกะเอาแต่เนื้อ สับละเอียด
2.
เคล้าเนื้อปลาดุกกับข้าวคั่ว พริกป่น ข่า หอมแดง ใบมะกรูด
3.
ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว โรยใบสะระแหน่ ต้นหอม จัดใส่จาน รับประทานกับผักสด เช่น กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ใบโหระพา
 


 

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แกงส้มปลาขี้ขม


ส่วนผสม
ปลาขี้ขม                7-8     ตัว
น้ำมะนาวคั้น            5-6     ลูก

ส่วนผสมพริกแกง
พริกขี้หนูสด            30     เม็ด
ขมิ้น                    1      นิ้ว
กระเทียม               4-5    กลีบ
เกลือ                   1/2    ช้อนโต๊ะ
กะปิ                    1      ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ผ่าท้องปลาควักไส้ล้างพุงให้สะอาดขอดเกล็ด ล้างด้วยน้ำเกลือเจือจางเพื่อลดกลิ่นคาวและคงความสดบั้งปลา 2-3 ครั้ง ทั้งสองด้าน 
2. โขลกส่วนผสมพริกแกงทั้งหมดยกเว้นกะปิให้ละเอียด  ใส่กะปิโขลกให้เข้ากัน
3. เอาน้ำใส่หม้อต้มให้เดือด  นำพริกแกงมาละลายรอให้เดือดใส่ปลาลงไปไม่ต้องคน  รอให้เดือด อีกครั้งใส่น้ำมะนาว  ชิมรสชาติตามชอบ ปิดไฟ  เสิร์ฟกับข้าวร้อน ๆ 





วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แกงน้ำเคยยอดหวาย


ส่วนผสม
ปลาซาบะย่าง           1      ตัว
เคยปลา
                100    กรัม   
ไตปลา                 1/2     ถ้วยตวง
ใบมะกรูด              2-3     ใบ
ตะไคร้ทุบ               2      ต้น
ข่าทุบ                   2      นิ้ว
ยอดหวายตำละเอียด     1      ถ้วยตวง
ฟักทองหั่นชิ้นพอคำ      10      ชิ้น
มะเขือเปาะ            5-6      ลูก

ส่วนผสมพริกแกง
พริกขี้หนูสด
            40       เม็ด
พริกไทย                1       ช้อนโต๊ะ
ขมิ้น                    1       นิ้ว
กระเทียม              4 – 5   กลีบ
ข่าหั่น                   1      ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้หั่นฝอย           2      ช้อนโต๊ะ
กะปิ                    1       ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูดซอยเล็กน้อย            

วิธีทำ

1. โขลกส่วนผสมพริกแกงทั้งหมดให้ละเอียด  เติมกะปิลงไปตำให้เข้ากัน
2. นำไตปลาและเคยปลาต้มกับน้ำจนละลาย  นำมากรองใส่อีกหม้อเติมน้ำลงไป  นำไปตั้งไฟ  ใส่ข่าและตะไคร้ทุบ  พอเดือดใส่เครื่องแกงที่เตรียมเอาไว้ลงในหม้อ  รอให้เดือดอีกครั้งใส่ยอดหวายที่เตรียมไว้  ปลาซาบะย่างแกะเอาแต่เนื้อ มะเขือ  ฟักทอง ลงไป  ต้มให้เดือดจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน  และผักสุก  ชิมรสชาติ  ใส่ใบมะกรูด ปิดไฟ 
3. เสิร์ฟกับข้าวหรือขนมจีน  พร้อม
ผักเหนาะ เช่น ถั่วฝักยาว มะเขือ ยอดกระถิน สะตอ ลูกเนียง
ลูกเหรียง  บัวบก  ผักกาดนกเขา  ยอดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น


วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ต้มหนางสด



ส่วนผสม
1. เนื้อหมู              500    กรัม
2. มะพร้าวขูด          500    กรัม
3. หยวก               3       ถ้วยตวง
4. เกลือ              1/2      ช้อนโต๊ะ
5. พริกสด           4-5       เม็ด   
6. หอม                2       หัว
7. กระเทียม                กลีบ
8. ขมิ้น                2       แง่ง
9. ตะไคร้                   ต้น            


วิธีทำ
1. หั่นหมูชิ้นพอคำรับประทาน
2. หั่นหยวกความยาวพอประมาณ
3. คั้นกะทิให้ได้  2  ถ้วย  แยกหัวกะทิไว้ ½ ถ้วย
3. บุบ  ตะไคร้  หอม  กระเทียม  ขมิ้น  พริกสดพอแตก
4. เอากะทิใส่หม้อ พร้อมกับ เนื้อหมู หยวก พริกสด เกลือตะไคร้  หอม  กระเทียม  ขมิ้น 
ตั้งไฟจนเดือด

5. ใส่หัวกะทิ ปรุงรส ยกหม้อลงจากเตา




วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คั่วกลิ้งหมู




ส่วนผสม
สันในหมู            300  กรัม
ใบมะกรูดหั่นฝอย    5     ใบ
ตะไคร้หั่นฝอย       2     ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ    1     เม็ด
พริกไทยอ่อน         100  กรัม         
น้ำมันเล็กน้อย

ส่วนผสมเครื่องแกง
ตะไคร้หั่นฝอย         2    ช้อนโต๊ะ
กระเทียม            4-5   กลีบ
ข่าหั่น                 2   ช้อนโต๊ะ
ขมิ้น                ½     นิ้ว
เกลือ                1     ช้อนชา
พริกขึ้หนู            30    เม็ด
พริกไทย             1     ช้อนโต๊ะ
กะปิ                 1     ช้อนชา

วิธีทำ
1. โขลกส่วนผสมเครื่องแกงทั้งหมดยกเว้นกะปิให้แหลก  ใส่กะปิตำอีกครั้งให้เข้ากัน
2. ล้างหมูให้สะอาด  หั่นชิ้นบางๆ แล้วสับให้ละเอียด
3. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันเล็กน้อย  ผัดเครื่องแกงให้หอม  ใส่เนื้อหมูผัดเข้าด้วยกันจนหอม  เมื่อหมูเข้ากับเครื่องแกง  คั่วต่อจนแห้ง  ใส่ตะไคร้หั่นฝอยและพริกชี้ฟ้าผัดให้เข้ากัน  โรยพริกไทยสดคนให้เข้ากัน
4. ยกลงจากเตา  แล้วโรยด้วยใบมะกรูด  เสิร์ฟกับผักสดต่างๆ 





วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แกงเลียงเห็ดฟาง

    เห็ดฟาง  เรียกอีกอย่างว่า  "เห็ดบัว"  มีประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่  ลดคอเลสเตอรอล  
เสริมภูมิคุ้มกัน  ป้องกันหวัด  บำรุงตับ  สร้างสมดุลให้เม็ดเลือดขาว  ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน 
และอื่น ๆ อีกมากมาย  วันนี้จะมานำเสนอ  แกงเลียงเห็ดฟางกันนะค่ะ




ส่วนผสม

เห็ดฟาง     200    กรัม
ปลาทูนึ่ง      1      ตัว
กุ้งแห้ง       1/3    ถ้วยตวง
หอมแดง       4-5  หัว
กะปิกุ้งอย่งดี   1-2     ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำ     8-10   เม็ด
พริกขี้หนู          3 - 4  เม็ด
น้ำปลา              2      ช้อนโต๊ะ
ใบแมงลัก       พอประมาณ

วิธีทำ
1.  ล้างเห็ดฟาง  และใบแมงลักให้สะอาด  วางไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2.  โขลกกุ้งแห้ง  พริกไทย  หอมแดง  กะปิ  ให้ละเอียด
3. หม้อตั้งไฟใส่น้ำพอประมาณ  พอน้ำร้อนใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้  รอน้ำเดือดใส่เห็ดฟางลงไป
4. ต้มจนเห็ดสุก  ปรุงรสด้วยน้ำปลา  ใส่ใบแมงลัก และพริกขี้หนูทุบ  ปิดไฟ
5. รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ


คุณค่าทางอาหาร  
            เห็ดฟาง  100  กรัม  ให้พลังงาน  35  kcal  โปรตีน  3.2  กรัม  คาร์โบไฮเดรต          5  กรัม  แคลเซียม  8  มิลลิกรัม  ฟอสฟอรัส  18  มิลลิกรัม  เหล็ก  1.1  มิลลิกรัม  ไนอะซิน 3.0  มิลลิกรัม  และวิตามินซี  7  มิลลิกรัม  ข้อจำกัด  :  ไม่ควรรับประทานเห็ดฟางสด ๆ  เพราะมีสารคอยยับยั้งการดูดดซึมอาหาร

            ใบแมงลัก 100 กรัม มีสาiอาหาร ดังนี้  แคลเซีย  350  มิลลิกรัม  ฟอสฟอรัส  86  มิลลิกรัม  เหล็ก  4.9  มิลลิกรัม  วิตามินเอ  10,666  มิลลิกรัม  โรโบฟลาวิน  0.14  มิลลิกรัม  ไนอาซิน  1.0  มิลลิกรัม  วิตามินซี  78  มิลลิกรัม  เส้นในอาหาร  2.6  มิลลิกรัม  คาร์โบไฮเดรต  11.1  กรัม  ไขมัน  0.8  กรัม  และโปรตีน  3.12 กรัม  พลังงาน  32  แคลอรี  สรรพคุณ  ขับลมในลำไส้  อาหารไม่ย่อย  บรรเทาอาการหวัด  คัดจมูก  น้ำมูกไหล

             ปลาทูเป็นแหล่งของสารอาหารประเภทโปรตีน  ในปลาทู  100  กรัม  มีคุณค่าทางอาหาร  ดังนี้  พลังงาน  140  kcal  โปรตีน  20  กรัม  ไขมัน  6.7  กรัม  แคลเซียม  170  มิลลิกรัม  ฟอสฟอรัส  60  มิลลิกรัม  เหล็ก  11.9  มิลลิกรัม  วิตามินบี 1  0.03  มิลลิกรัม  วิตามินบี2  0.62  มิลลิกรัม  ไนอะซิน  9.2  มิลลิกรัม  และวิตามินซี  9.2  มิลลิกรัม  นอกจากนั้นปลาทูยังมีสารโอเมก้า  3  ประมาณ  2 -3  กรัมอีกด้วย






วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หมูผัดกะปิสูตรปักษ์ใต้





ส่วนผสม

หมูสองชั้นหั่นพอดีคำ               200  กรัม
พรืกขี้หนูบุบ                                1   ช้อนโต๊ะ
กระเทียบโขลกหยาบ                  2   ช้อนโต๊ะ
กะปิกุ้งอย่างดี                              1   ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ                                    2   ช้อนชา
น้ำมันหอย                                    1   ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช                                      2   ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดหั่นฝอย                       2-3  ใบ
พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง                         2    เม็ด
น้ำเปล่า
สะตอ                                            1    ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ตั้งกระทะให้ร้อน  ใส่น้ำมันพืช  พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอม
2. ใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้สุกปานกลาง  ใส่กะปิลงไปผัดให้เข้ากับเนื้อหมู
3.  เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยผัดพอมีน้ำขลุกขลิก
4.  ปรุงรสด้วย  น้ำมันหอย  และน้ำตาลปี๊บ  ผัดให้เข้ากัน
5.  ใส่สะตอลงไปผัดให้สุก  ใส่ใบมะกรูด  พริกชี้ฟ้า  ผัดให้เข้ากัน  ปิดไฟ
6.  ตักใส่จานรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ


ต้มส้มปลากระบอก

ส่วนผสม 
ปลากระบอก               2 - 3 ตัว
ขมิ้นปอกเปลือกบุบ       2   ท่อน
หอมแดงบุบ                  3   หัว
ส้มแขกตากแห้ง         1/2  ถ้วยตวง
ตะไคร้หั่นท่อนทุบ        2   ต้น
เกลือ                         1- 2 ช้อนชา
น้ำตาล                         1   ช้อนชา

วิธีทำ 
1. ขอดเกล็ด ผ่าพุง ปลากระบอกล้างให้สะอาด
2. เอาน้ำใส่หม้อ ตั้งไฟ พอน้ำเดือด ใส่ตะไคร้ทุบ ขมิ้นบุบ หอมแดงบุบ ส้มแขกล้างสะอาด ใส่ลงไปในหม้อ พอกลิ่นหอมเติมเกลือลงไปเพื่อให้ตัดรสเปรี้ยวจากส้มแขก เติมน้ำตาล รอจนน้ำเดือด ใส่ปลากระบอก ไม่ต้องคน รอเดือดอีกครั้ง ชิมรส ปิดไฟยกลง รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ


ยำส้มโอ


ส่วนผสม
ส้มโอแกะแล้ว                    2   ถ้วยตวง
กุ้ง                                   1     กรัม
พริกป่น                           2     ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวคั่ว                   1/4     ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ                     1-2    ช้อนโต๊ะ
หมูสับ                            1/2   ถ้วยตวง
เม็ดมะม่วงหิมพานต์      1/2   ถ้วยตวง
หอมเจียว                        1     ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูทอด               4-5    เม็ด
น้ำปลา                             1    ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.  นำกุ้งเด็ดหัวแกะเปลือก  ผ่าหลังชักเส้นดำออก  ล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยจากนั้นนำไปลวกในน้ำเดือด  ใส่เกลือป่นเล็กน้อย  เพื่อลดกลิ่นคาว
2.  รวนหมูสับ  พอสุก
3.  ทำน้ำยำ  ผสมพริกป่นน้ำปลา  น้ำตาลปี๊บคนให้เข้ากัน  ชิมรสให้ออกหวานเค็ม เผ็ดเล็กน้อย
4.  น้ำส่วนผสมเนื้อส้มโอ  หมูสับรวน   มะพร้าวคั่วคลุกกับน้ำยำ  ชิมรสถ้าไม่เปรี้ยวเติมน้ำมะนาว
จัดใส่จาน  โรยหน้าด้วยกุ้ง  เม็ดมะม่วงเห็นพานต์  หอมเจียว  พริกขี้หนูทอดเสิร์ฟรับประทานทันที


วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ข้าวยำสมุนไพร


ข้าวยำสมุนไพร (ปักษ์ใต้)
ข้าวยำ มาจากคำว่า "นาซิกาบู" เป็นภาษามาลายูท้องถิ่น "นาซิ" แปลว่า ข้าว "กาบู" แปลว่า ยำ
ข้าวยำประกอบด้วยข้าวสุกราดด้วยน้ำบูดู มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น และผักสดหั่นหลายชนิด  คลุกเคล้ากัน
ผักบางชนิดที่ใส่มีเฉพาะในภาคใต้เท่านั้น เช่น ใบกระผังโหม  ใบหมุย ข้าวยำ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีผักสมุนไพรเป็นส่วนประกอบมากมาย เช่น ตะไคร้  ใบมะกรูด  ใบยอ ใบขมิ้น ใบบัวบก ดอกดาหลา ถั่วฝักยาว ถั่วงอก นอกจากนี้ ยังมี มะนาว ส้มโอ มะม่วงเปรี้ยว มะปลิง หรือผักชนิดต่าง ๆ ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป
สรรพคุณทางยา
มะพร้าว รสมันหวาน บำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูก
พริกขี้หนู รสเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อยอาหาร
กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคทางผิวหนัง น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด
หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไอเพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
มะนาว เปลือกผลรสขม ช่วยขับเสมห แก้ไอแก้เลือดออกตามไรฟัน
ตะไคร้ รสปร่ากลิ่นหอม แก้ปวดท้อง ขับลม
ใบมะกรูด
รสปร่ากลิ่นหอมติดร้อน ใช้ปรุงอาหารช่วยดับกลิ่นคาว แก้โรคลักปิดลักเปิด
มะม่วง
รสเปรี้ยว ขับเสมหะ
ถั่วฝักยาว รสมันหวาน มีคุณค่าทางอาหารสูง กระตุ้นการทำงานของกระเพาะ ลำไส้ บำรุงธาตุ
ถั่วงอก สรรพคุณ ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย
ใบขมิ้น  รสฝาด  กลิ่นหอม  แก้อาการท้องอืด  ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด  และช่วยต้านอนุมูลอิสระ 
ดอกดาหลา
  สรรพคุณ ช่วยแก้ลมพิษ แก้โรคผิวหนัง ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ส้มโอ วิตามินซี  ช่วยในการป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และป้องกันโรคหวัดได้ดีข้าวยำปักษ์ใต้
ข้าวยำ มาจากคำว่า "นาซิกาบู" เป็นภาษามาลายูท้องถิ่น "นาซิ" แปลว่า ข้าว "กาบู" แปลว่า ยำ
ข้าวยำประกอบด้วยข้าวสุกราดด้วยน้ำบูดู มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น และผักสดหั่นหลายชนิด  คลุกเคล้ากัน
ผักบางชนิดที่ใส่มีเฉพาะในภาคใต้เท่านั้น เช่น ใบกระผังโหม  ใบหมุย ข้าวยำ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีผักสมุนไพรเป็นส่วนประกอบมากมาย เช่น ตะไคร้  ใบมะกรูด  ใบยอ ใบขมิ้น ใบบัวบก ดอกดาหลา ถั่วฝักยาว ถั่วงอก นอกจากนี้ ยังมี มะนาว ส้มโอ มะม่วงเปรี้ยว มะปลิง หรือผักชนิดต่าง ๆ ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป
สรรพคุณทางยา
มะพร้าว รสมันหวาน บำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูก
พริกขี้หนู รสเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อยอาหาร
กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคทางผิวหนัง น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด
หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไอเพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
มะนาว เปลือกผลรสขม ช่วยขับเสมห แก้ไอแก้เลือดออกตามไรฟัน
ตะไคร้ รสปร่ากลิ่นหอม แก้ปวดท้อง ขับลม
ใบมะกรูด
รสปร่ากลิ่นหอมติดร้อน ใช้ปรุงอาหารช่วยดับกลิ่นคาว แก้โรคลักปิดลักเปิด
มะม่วง
รสเปรี้ยว ขับเสมหะ
ถั่วฝักยาว รสมันหวาน มีคุณค่าทางอาหารสูง กระตุ้นการทำงานของกระเพาะ ลำไส้ บำรุงธาตุ
ถั่วงอก สรรพคุณ ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย
ใบขมิ้น  รสฝาด  กลิ่นหอม  แก้อาการท้องอืด  ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด  และช่วยต้านอนุมูลอิสระ 
ดอกดาหลา
  สรรพคุณ ช่วยแก้ลมพิษ แก้โรคผิวหนัง ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ส้มโอ วิตามินซี  ช่วยในการป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และป้องกันโรคหวัดได้ดี


เครื่องปรุง
ข้าวสวยข้าวกล้อง,ข้าวสวยขมิ้น
และข้าวสวยดอกอัญชัน
อย่างละ
½
ถ้วย
กุ้งแห้งป่น
¼
ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว
คั่วจนเหลืองกรอบ
¼
ถ้วย
พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น
2
ช้อนชา
ดอกดาหลาซอย
¼
ถ้วย
ใบกระพังโหม, ใบขมิ้น
ถั่วฝักยาวซอยอย่างละ
¼
ถ้วย
ถั่วงอกเด็ดหาง
1
ถ้วย
ตะไคร้ซอย,
น้ำข้าวยำอย่างละ
¼
ถ้วย
มะม่วงเปรี้ยว
½
ผล
ส้มโอแกะเนื้อ
½
ถ้วย
พริกแห้งป่นสำหรับโรยหน้า
น้ำข้าวยำ
ปลาอินทรีเค็ม
1
ชิ้น
น้ำบูดู
1
ถ้วย
น้ำ
1
ถ้วย
น้ำปลา
½
ถ้วย
หอมแดงทุบ
3-4
หัว
ข่าแก่หั่นท่อนทุบ
2
ชิ้น
ตะไคร้หั่นท่อนทุบ
3
ต้น
ใบมะกรูดฉีก
5
ใบ
น้ำตาลปี๊บ
1½
ถ้วย

วิธีทำ
1. หุงข้าวสวยขมิ้นโดยซาวข้าวหอมมะลิ 1 ถ้วย พักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ เทใส่หม้อหุงข้าวไฟฟ้า จากนั้นล้างขมิ้นสดหั่นท่อนขนาด 2 นิ้วให้สะอาด โขลกจนละเอียด ตักใส่ถ้วย ใส่น้ำ 1 ถ้วยคนให้เข้ากัน เทกรองด้วยผ้าขาวบางใส่หม้อหุงข้าว หุงจนข้าวสุก
2. หุงข้าวสวยดอกอัญชันโดยซาวข้าวหอมมะลิ 1 ถ้วย พักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ เทใส่หม้อหุงข้าว จากนั้นล้างดอกอัญชันประมาณ 30 ดอกให้สะอาด โขลกจนละเอียด ตักใส่ถ้วย ใส่น้ำร้อนเล็กน้อยและใส่น้ำ 1 ถ้วย บีบน้ำมะนาวใส่เล็กน้อย คนให้เข้ากัน จะได้สีม่วงอมน้ำเงิน เทกรองด้วยผ้าขาวบางใส่หม้อหุงข้าว หุงจนข้าวสุก
3. ทำน้ำข้าวยำโดยย่างหรือทอดปลาอินทรีเค็มให้สุกและมีกลิ่นหอม แกะเอาแต่เนื้อ ใส่ลงในหม้อตามด้วยน้ำบูดู น้ำ และน้ำปลา ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางจนเดือด จึงใส่หอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และน้ำตาลปี๊บ คนพอเข้ากันทั่ว เมื่อเดือดอีกครั้งจึงลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวต่อจนมีลักษณะข้นเล็กน้อย ชิมรสให้ออกเค็มหวาน ปิดไฟ ยกลงกรองเอาแต่น้ำ พักให้เย็น 

4. วิธีจัดเสิร์ฟ ตักข้าวสวยทั้ง 3 ชนิดใส่จาน ตามด้วยเครื่องปรุงที่เหลือทั้งหมด ใส่แต่ละอย่างมากน้อยตามต้องการ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำข้าวยำ และโรยหน้าด้วยพริกแห้งป่น